ข้อมูลโรคความดันโลหิตสูง แสดงถึงแนวโน้มโรคความดันโลหิตสูงที่เป็นที่สนใจในระดับโลกเพราะโรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงโรคอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับความเสื่อมสภาพของร่างกาย แนวโน้มที่สำคัญของโรคความดันโลหิตสุงคือจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น จำนวนประชากรที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต(เป็นแบบเร่งด่วน) การบริโภคอาหารที่มีเกลือและไขมันสูง และขาดการออกกำลังกายที่เพียงพอ แนวโน้มของโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่มผู้สูงอายุจะมากขึ้นเนื่องจากการที่ประชากรสูงวัยมี
จำนวนมากขึ้น ความดันโลหิตสูงมักพบในกลุ่มผู้สูงวัยมากกว่ากลุ่มวัยรุ่นหรือวัยกลางคน การเสื่อมสภาพของหลอดเลือดตามธรรมชาติส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น แนวโน้มของโรคยังเกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตสมัยใหม่ กินอาหารฟาสต์ฟู้ด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปและการใช้วิถีชีวิตที่ไม่ได้ความสำคัญกับการออกกำลังกายหรือออกกำลังกายน้อยจึงทำให้แนวโน้มของโรคนี้เพิ่มมากขึ้นในทุกช่วงวัย จากข้อมูลโรคความดันโลหิตสูงผู้คนเริ่มตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันและตรวจพบความดันโลหิตสูงได้เร็วขึ้น ทำให้มีการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที แนวโน้มเรื่องการใช้ยาและการรักษา ยาที่ใช้ในการควบคุมความดันโลหิตมีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีผลข้างเคียงที่น้อยลงซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมโรคได้ดียิ่งขึ้นแต่การป้องกันโรคนี้ยังคงเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การลดปริมาณเกลือในอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการควบคุมน้ำหนัก
การดูแลสุขภาพโรคความดันโลหิตสูง จากข้อมูลโรคความดันโลหิตสูงแสดงให้เห็นว่าโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ความดันโลหิตในหลอดเลือดสูงเกินกว่าระดับปกติ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งถ้าไม่ได้รับควบคุมและการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรังและหลอดเลือดตีบตัน เป็นต้น ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ค่าความดันโลหิตปกติ โดยทั่วไปความดันโลหิตจะถูกวัดเป็นสองค่า ได้แก่ ความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว (Systolic) ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 120 มม.ปรอทและความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว (Diastolic) ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 80 มม.ปรอท การวัดค่าความดันโลหิตจะแสดงเป็นสองตัวเลข เช่น 120/80 มม.ปรอท เกณฑ์การวินิจฉัยความดันโลหิตสูง ช่วงวิกฤติของระดับความดันโลหิตสูงคือ ความดันโลหิต Systolic ≥180 มม.ปรอท หรือ Diastolic ≥120 มม.ปรอท ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
สาเหตุของความดันโลหิตสูง ปัจจัยทางพันธุกรรม หากมีสมาชิกในครอบครัวที่มีภาวะความดันโลหิตสูง มีโอกาสที่บุคคลนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น วิถีชีวิตหรือพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวันที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ การบริโภคเกลือมากเกินไป การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ความเครียดและการขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ภาวะสุขภาพอื่นๆ เช่นโรคเบาหวาน โรคไต โรคอ้วน และภาวะการนอนกรนรุนแรงสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้
อาการของโรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ความดันโลหิตสูงมักไม่มีอาการชัดเจนจนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หายใจลำบากหรือเลือดออกจมูก อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อความดันโลหิตสูงมาก การป้องกันและการรักษาทำได้โดยการพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ลดปริมาณเกลือในอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักและลด-ละ-เลิกการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้อาจต้องใช้ยาลดความดันโลหิตซึ่งต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยากลุ่ม ACE inhibitors, ยากลุ่ม beta-blockers, และยาขับปัสสาวะ การป้องกันโรคความดันโลหิตสูงทำได้โดยหมั่นตรวจความดันโลหิตเป็นประจำ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีเส้นใยสูง ผักและผลไม้ ทำตัวให้ผ่อนคลาย(ไม่เครียด) ลด-เลิกการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งสำคัญคือควรเน้นที่การป้องกันโดยการตรวจความดันโลหิตเป็นประจำและการรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง
การส่งเสริมสุขภาพโรคความดันโลหิตสูง จุดประสงค์ของการส่งเสริมสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคความดันโลหิตสูงเป็นการดำเนินการที่ช่วยป้องกันและควบคุมโรคโดยเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพในระยะยาวซึ่งประกอบด้วยหลายปัจจัยที่สำคัญดังนี้ การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ พยายามลดปริมาณเกลือ(โซเดียม)ในอาหารเพราะเกลือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ควรลดการบริโภคอาหารที่มีเกลือสูง เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูปและอาหารฟาสต์ฟู้ด การส่งเสริมสุขภาพโดยเน้นบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงเนื่องจากโพแทสเซียมช่วยปรับสมดุลของโซเดียมในร่างกายและลดความดันโลหิต อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงโดยเน้นผักและผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม มะเขือเทศ เน้นอาหารประเภทที่มีเส้นใยสูง การบริโภคผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืชไม่ขัดสีช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง การส่งเสริมสุขภาพโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและช่วยลดความดันโลหิต ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น ปั้นจักรยาน ว่ายน้ำ วิ่ง เดินเร็วอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ พยายามทำการควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสมจะสามารถลดความดันโลหิตได้ การลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อย เช่น 5-10% ของน้ำหนักตัวก็สามารถมีผลใน
การลดความดันโลหิตลงอย่างมีนัยสำคัญ ให้ลดการดื่มแอลกอฮอล์เพราะการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปสามารถเพิ่มความดันโลหิตได้ ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม (ไม่เกิน 1 แก้วมาตรฐานต่อวันสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 แก้วมาตรฐานต่อวันสำหรับผู้ชาย) เลิกสูบบุหรี่เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นและเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด การเลิกสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวม พยายามจัดการความเครียดให้น้อยลง ความเครียดเรื้อรังสามารถเพิ่มความดันโลหิตได้ การฝึกการผ่อนคลาย เช่น เล่นโยคะ การทำสมาธิหรือการหายใจลึกๆ ช่วยลดความดันโลหิตและส่งเสริมสุขภาพจิต การนอนหลับที่เพียงพอและนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยปกติควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนและพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการนอน ประการสุดท้ายคือการตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจ-เข็คความดันโลหิตเป็นประจำจะช่วยให้สามารถตรวจพบและควบคุมความดันโลหิตสูงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ การเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์และติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ การส่งเสริมสุขภาพเหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงและควบคุมความดันโลหิตได้ ซึ่งส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้
โรคความดันโลหิตสูงกับพันธุกรรมมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ โรคความดันโลหิตสูงมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมในระดับหนึ่ง แม้ว่าปัจจัยด้านวิถีชีวิต เช่น อาหารการกิน การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด จะมีบทบาทสำคัญแต่ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ด้วย สำหรับความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม ถ้ามีสมาชิกในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง หรือปู่ย่าตายายก็มีโอกาสสูงที่บุคคลนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้นทั้งนี้เป็นผลมาจากการสืบทอดทางพันธุกรรม มีการค้นพบยีนหลายชนิดที่มีความสัมพันธ์กับการควบคุมความดันโลหิต เช่น ยีนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไตหรือการควบคุมปริมาณเกลือในร่างกาย หากยีนเหล่านี้มีความผิดปกติจะทำให้ร่างกายควบคุมความดันโลหิตได้ไม่ดีส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีปัจจัยทางพันธุกรรมแต่การใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีเกลือสูง ความเครียด และการออกกำลังกายน้อยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความดันโลหิตสูงในบุคคลที่มีพันธุกรรมที่เสี่ยงได้ การดูแลและป้องกันในผู้ที่มีพันธุกรรมเสี่ยงแม้ว่าจะมีพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงแต่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการจัดการความเครียดล้วนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมและป้องกันโรคความดันโลหิตสูง